ขนมหวานไทย สูตรของหวานน้ำกะทิ

ขนมหวานไทย สูตรของหวานน้ำกะทิเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ขนมหวาน มีลักษณะเด่นคือ มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำกะทิที่ให้ความหอม มัน ร้านขนมไทย และรสชาติกลมกล่อม วิธีทำของหวาน ขนมหวานไทยน้ำกะทิมีหลากหลายชนิด ของหวานไทยแต่ละชนิดก็มีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกันไป kanomthai.info

5 สูตร ขนมหวานไทย น้ำกะทิที่ได้รับความนิยม  

  • กล้วยบวชชี เป็นขนมหวานที่ทำจากกล้วยน้ำว้าห่าม ของหวานนำมาต้มกับน้ำกะทิ น้ำตาล และเกลือ นิยมรับประทานคู่กับกระทิแข็ง
  • บัวลอยไข่หวาน เป็นขนมหวานที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ต้มในน้ำกะทิ นิยมรับประทานคู่กับไข่หวาน น้ำกะทิ เมนู ของหวาน ไทย
  • ทับทิมกรอบ เป็นขนมหวานที่ทำจากวุ้นเส้น แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาล และกะทิ เมนูของหวาน นิยมรับประทานคู่กับน้ำกะทิ
  • ลอดช่องน้ำกะทิ เป็นขนมหวานที่ทำจากแป้งลอดช่อง ต้มในน้ำเชื่อม นิยมรับประทานคู่กับน้ำกะทิ
  • ครองแครงน้ำกะทิ เป็นขนมหวานที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าปั้นเป็นเส้น ต้มในน้ำเชื่อม ของหวานไทยๆนิยมรับประทานคู่กับน้ำกะทิ

วิธีทำขนมหวานไทยน้ำกะทิที่ได้รับความนิยม

สูตรกล้วยบวชชี 

ส่วนผสม

  • กล้วยน้ำว้าห่าม 5 ลูก
  • หัวกะทิ 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ใบเตย 2 ใบ

วิธีทำ 

  1. ผ่ากล้วยน้ำว้าเป็นชิ้นพอคำ ของหวานทำง่าย
  2. ใส่กะทิ น้ำตาลทราย เกลือ และใบเตยลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง คนให้น้ำตาลทรายละลาย
  3. ใส่กล้วยลงไปต้ม ต้มจนกล้วยสุกได้ที่ ขนมหวานทำง่าย
  4. ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

สูตรบัวลอยไข่หวาน

ส่วนผสม 

  • แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
  • กะทิ 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ผสมแป้งข้าวเหนียว น้ำเปล่า และเกลือเข้าด้วยกัน นวดจนเนียน
  2. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าลูกแก้ว ขนมหวาน อร่อยๆ
  3. ต้มน้ำในหม้อให้เดือด นำแป้งบัวลอยลงไปต้ม ต้มจนแป้งลอยขึ้นมา ตักขึ้นพักไว้
  4. ตีไข่ไก่ให้เข้ากัน ใส่แป้งมันสำปะหลังลงไป คนให้เข้ากัน
  5. ต้มน้ำในหม้อให้เดือด นำไข่หวานลงไปต้ม ต้มจนไข่สุก ยกขึ้นพักไว้
  6. ใส่กะทิ น้ำตาลทราย และเกลือลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง คนให้น้ำตาลทรายละลาย
  7. ใส่บัวลอยและไข่หวานลงไปต้ม ต้มจนร้อนทั่วถึง ของหวานง่ายๆ
  8. ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

สูตรทับทิมกรอบ 

ส่วนผสม

  • วุ้นเส้น 100 กรัม
  • แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • กะทิ 2 ถ้วย
  • ใบเตย 2 ใบ

วิธีทำ

  1. นำวุ้นเส้นแช่ในน้ำเย็นจนนิ่ม
  2. ผสมแป้งมันสำปะหลัง น้ำเปล่า และเกลือเข้าด้วยกัน นวดจนเนียน
  3. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าลูกแก้ว ของหวานกะทิ
  4. ต้มน้ำในหม้อให้เดือด นำแป้งทับทิมลงไปต้ม ต้มจนแป้งลอยขึ้นมา ตักขึ้นพักไว้
  5. ใส่กะทิ น้ำตาลทราย และเกลือลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง คนให้น้ำตาลทรายละลาย
  6. ใส่ใบเตยลงไปต้ม ต้มจนหอม ขายของหวาน กําไร
  7. ใส่ทับทิมลงไปต้ม ต้มจนร้อนทั่วถึง
  8. ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

สูตรลอดช่องน้ำกะทิ

ส่วนผสม

  • แป้งลอดช่อง 1/2 ถ้วย
  • น้ำปูนใส 2 ½ ถ้วย
  • ใบเตย 2 ถ้วย
  • กะทิ 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. นำใบเตยมาล้างให้สะอาด มัดรวมกัน ของว่างไทยโบราณชาววัง
  2. ใส่น้ำปูนใสลงในหม้อ ใส่ใบเตยลงไป ตั้งไฟกลาง เคี่ยวจนใบเตยหอม ปิดไฟ พักไว้
  3. ผสมแป้งลอดช่องและน้ำปูนใสที่เคี่ยวไว้ คนให้เข้ากันจนแป้งละลายหมด
  4. เทแป้งลอดช่องลงในเครื่องทำลอดช่อง กดปุ่มให้แป้งลอดช่องไหลออกมาเป็นเส้น
  5. ตักเส้นลอดช่องใส่น้ำเย็นจัด แช่ไว้จนตัวลอดช่องเซ็ตตัว ของหวานไทยมีอะไรบ้าง
  6. ใส่กะทิ น้ำตาลทราย และเกลือลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง คนให้น้ำตาลทรายละลาย
  7. ใส่ใบเตยลงไปต้ม ต้มจนหอม

สูตรครองแครงน้ำกะทิ

ส่วนผสม

  • แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
  • แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
  • น้ำเดือดจัด 2/3 ถ้วย
  • กะทิ 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • งาขาวคั่ว สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  1. ผสมแป้งมันสำปะหลังและแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ของหวานในเซเว่น
  2. เทน้ำเดือดจัดลงไป คนให้เข้ากันจนแป้งละลายหมด
  3. แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็กๆ ทำของหวาน ประมาณหัวนิ้วก้อย แล้วนำไปกดลงพิมพ์ครองแครง
  4. นำตัวครองแครงที่ทำไว้ลงต้มในน้ำเดือด เมื่อสุกแล้วจะลอยขึ้น ตักขึ้นแล้วนำลงแช่น้ำเย็น
  5. ตั้งหม้อใช้ไฟกลาง ใส่กะทิ น้ำตาล และเกลือ คนให้ละลายเข้ากัน ของหวานทําง่าย ขายดี
  6. ตักครองแครงที่ต้มไว้ใส่ถ้วย ราดด้วยกะทิ โรยหน้าด้วยงาขาวคั่ว พร้อมเสิร์ฟ

ขนมหวานของไทย ที่มีประวัติความเป็นมา มาอย่างยาวนาน

สูตรของหวาน ขนมหวานไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนาน สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทย ขนมหวานไทยมีรสชาติอร่อยและสวยงาม จึงเป็นที่นิยมรับประทานทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ